ในยุคของการแต่งงานข้ามพรมแดน ฉันอยากแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของฉันเองค่ะ — เรื่องราวการพบกันกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นผ่านบริษัทจัดหาคู่จนถึงการเข้าสู่ประตูวิวาห์ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจและให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับพี่ๆน้องๆที่ฝันอยากใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ

1. จุดเริ่มต้นของโชคชะตา: บริษัทจัดหาคู่มืออาชีพ

ครั้งแรกที่เข้าไปในบริษัทจัดหาคู่ ต้องบอกเลยว่ารู้สึกกังวลพอสมควรค่ะ แต่พอได้เจอกับการบริการของพนักงานที่เป็นมืออาชีพแล้ว ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นค่ะ และสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากคือ พวกเขามีความเข้มงวดและรอบคอบในการจับคู่ที่เกินความคาดหมายของฉันค่ะ

เริ่มแรก พนักงานได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์การคัดเลือกของบริษัทอย่างละเอียด พวกเขาไม่เพียงแค่ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว และภูมิหลังอาชีพของบุคคลนั้นๆ แต่ยังต้องตรวจสอบสถานะของครอบครัวจริงๆ ซึ่งผู้ชายทุกคนจะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ เช่น หลักฐานรายได้และหลักฐานสุขภาพอื่นๆ เพื่อยืนยันข้อมูลให้น่าเชื่อถือค่ะ

หลังจากที่ทราบถึงความคาดหวังของฉันแล้ว ที่ปรึกษาด้านการจัดหาคู่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นอย่างละเอียด อย่างเช่น ความแตกต่างของค่าครองชีพในพื้นที่ต่างๆ และลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมที่ทำงานในญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างฉันแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ช่วยได้มากเลยทีเดียวค่ะ

หลังจากได้คัดเลือกเบื้องต้น บริษัทได้แนะนำผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่มีภูมิหลังดีมาให้ 3 คนค่ะ ทุกครั้งที่มีการแนะนำ ที่ปรึกษาก็จะเตรียมข้อมูลของแต่ละบุคคลมาให้อย่างละเอียดค่ะ ซึ่งรวมไปถึงลักษณะนิสัย ประวัติครอบครัว และแผนการทำงานต่างๆ ทำให้ฉันมีความเข้าใจที่ชัดเจนต่อผู้สมัครแต่ละคนค่ะ

2. การพบปะออนไลน์ผ่าน ZOOM: การสนทนาเรียนรู้จิตใจข้ามพรมแดน

ฉันและผู้ชายชาวญี่ปุ่นได้พบกันตัวต่อตัวแบบออนไลน์ผ่าน ZOOM ถึงแม้ว่าจะแยกกันด้วยหน้าจอ แต่ทุกครั้งที่เจอกันล้วนถูกจัดการมาอย่างดี บริษัทจะทดสอบอุปกรณ์ล่วงหน้าเพื่อรับประกันคุณภาพของวิดีโอและเสียง นอกจากนี้ยังมีล่ามมืออาชีพคอยช่วยเหลือให้การสื่อสารราบรื่น ฉันเข้าใจว่าคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเวลาจึงเตรียมตัวล่วงหน้า 10 นาทีเพื่อเข้าร่วมการสนทนาผ่านวิดีโอ ZOOM ค่ะ

ครั้งแรกที่พบกันผ่านวิดีโอคอล ฉันแต่งหน้าเบาๆเป็นพิเศษ และเลือกใส่เสื้อสีขาว ถึงแม้จะรู้สึกตื่นเต้นไปบ้าง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากล่ามแปลและพนักงาน การสนทนา 40 นาทีก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นค่ะ ซึ่งอีกฝ่ายคุณผู้ชายคนที่หนึ่งเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มีวาจาสุภาพและตอบคำถามของฉันอย่างจริงจัง ที่ประทับใจมากคือเขาพยายามเรียนรู้ภาษาไทยบางประโยคและแสดงความสนใจในวัฒนธรรมไทยด้วยค่ะ

คนที่สองเป็นวิศวกร IT ทำงานที่บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังในโตเกียว เขาแชร์เรื่องราวน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่นและพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการทำงานโอที ถึงแม้ว่างานจะมีความกดดันมาก แต่เขามีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิต และชอบวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์

คนที่สามเป็นพนักงานบริษัททั่วไปที่มีนิสัยอ่อนโยนเป็นพิเศษ ในระหว่างการสนทนาพบว่าทั้งคู่ชอบดูอนิเมะของฮายาโอะ มิยาซากิ เขาได้แนะนำภาพยนตร์ญี่ปุ่นคลาสสิกหลายเรื่องให้ฉันด้วยค่ะ ถึงแม้ว่างานของเขาจะไม่โดดเด่นนัก แต่การวางแผนชีวิตและการให้ความสำคัญกับครอบครัวของเขาทำให้ฉันประทับใจค่ะ

จากการพบปะผ่านวิดีโอเหล่านี้ ฉันไม่เพียงแต่ได้พบกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นหลายประเภท แต่ยังได้เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานและการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น บางคนอาจคิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนนิ่งๆสงวนตัวเกินไป แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกได้คือความประณีตและการใส่ใจของพวกเขาค่ะ ทุกคนให้ความเคารพต่อความคิดเห็นของฉันและยินดีฟังความคาดหวังของฉันในอนาคตด้วย

ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ความฝันของฉันที่จะใช้ชีวิตในญี่ปุ่นดูชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแม้จะรู้ว่าอาจพบกับปัญหาเกี่ยวกับภาษาและความต่างทางวัฒนธรรม แต่ฉันเชื่อว่าตราบใดที่เราเข้าใจและให้อภัยซึ่งกันและกัน จะสามารถแต่งงานข้ามพรมแดนที่มีความสุขได้ค่ะ

3. การสื่อสารที่ลึกซึ้งขึ้น: การนัดพบออนไลน์หลายครั้ง

ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ฉันได้มีการติดต่อที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับนิชิมุระคุงที่ทำงานในบริษัทIT ความรู้สึกที่ตื่นเต้นในการเจอกันครั้งแรกผ่านวิดีโอก็ค่อยๆหายไป และเปลี่ยนเป็นการจดจ่อในการนัดวิดีโอคอลทุกวันพฤหัสบดีเวลา2ทุ่ม เราได้มีการสนทนาอย่างลึกซึ้ง 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที หัวข้อการสนทนาเริ่มจากการพูดถึงความสนใจ งานอดิเรก รวมถึงการวางแผนชีวิตในอนาคต

สิ่งที่ทำให้ประทับใจมากคือ ในครั้งที่3ของการวิดีโอคอล เมื่อฉันเสนอความคิดที่อยากจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่ไทยปีละ 2 ครั้ง นิชิมุระคุงไม่เพียงแต่แสดงความเข้าใจทันที แต่ยังเสนอว่าเขาสามารถกลับมาด้วยกันได้ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ เขาบอกว่า “ความสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และนี่ยังเป็นค่านิยมที่สำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย”

เมื่อพูดถึงเรื่องการทำงานในญี่ปุ่นของฉันในอนาคต เขาก็แสดงท่าทีที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากคือ เนื่องจากเขาเป็นวิศวกรไอทีที่ทำงานในบริษัทระดับโลก เขาบอกว่าคะแนน TOEFLของฉัน 98 คะแนน ยังไงก็ได้รับความนิยมมากในการทำงานในญี่ปุ่นค่ะ เขาบอกว่าสามารถช่วยแนะนำงานให้ได้ โดยเฉพาะในแผนกธุรกิจต่างประเทศของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ในปัจจุบัน ก็มักจะประกาศรับสมัครพนักงานที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้

4. การพบกันที่รอคอยในกรุงเทพฯ

หลังจากการติดต่อกัน 3 ครั้งผ่าน ZOOM ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้พบกันตัวต่อตัวสักที ตอนบ่าย2 เรานัดพบกันที่ร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นที่ซอยสุขุมวิท 24 บอกตามตรงว่า ตอนผลักประตูกระจกของร้านกาแฟเข้าไป ในใจตื่นเต้นมากจริงๆค่ะ

นิชิมุระคุงมาถึงก่อนเวลา 15 นาที และสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ดูแล้วอ่อนเยาว์กว่าตอนวิดีโอคอลมากค่ะ ดูเหมือนอายุประมาณ 35 ปี เขาเตรียมอัลบั้มรูปมาด้วย ซึ่งมีภาพบ้านของเขาในเขตเซตางายะที่โตเกียว มีรูปสวนสาธารณะใกล้ๆ และสถานีรถไฟใกล้บ้าน เห็นภาพเหล่านี้ก็เหมือนจินตนาการถึงฉากชีวิตในอนาคตที่นั่นได้เลยค่ะ

ผู้แนะนำและนักแปลจากบริษัทจัดหาคู่ได้อยู่ร่วมด้วยตลอดค่ะ ช่วยเราแปลคําศัพท์และวลีบางคําที่ยากต่อการแสดงออกเป็นบางที บรรยากาศดูผ่อนคลายและเราคุยกันเป็นเวลานานเลยค่ะ สุดท้ายเราไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านซูชิใกล้ๆ คุณนิชิมุระยังพูดขอบคุณเจ้าของร้านเป็นภาษาไทยด้วยค่ะ ที่แท้แล้วเขาเรียนภาษาไทยคำง่ายๆมาด้วย ความตั้งใจนี้ทำให้ประทับใจมากค่ะ

เมื่อถึงเวลาจากลากัน นิชิมุระคุงได้มอบของนำโชคของญี่ปุ่น(โอมามอริ)ให้ฉันค่ะ ซึ่งเขาตั้งใจซื้อมาจากวัดเซนโซจิโดยเฉพาะ ของขวัญเล็กน้อยที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น อาจแสดงถึงการเริ่มต้นเรื่องราวของพวกเราก็ได้ค่ะ

การพบกันครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มากกว่าผ่านวิดีโอ แม้ว่าเราจะมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่ความจริงใจและความใส่ใจเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะชาติใดชาติหนึ่ง เมื่อมองไปที่อัลบั้มรูปภาพนั้น ฉันเต็มไปด้วยความคาดหวังและตั้งตารอชีวิตในอนาคต

5. ความเข้าใจในหัวใจ: ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความรัก

เช้าวันถัดมา นิชิมุระคุงต้องบินกลับโตเกียวเที่ยวบิน 10:30 น. ก่อนที่จะจากกัน เราพบกันที่ร้านกาแฟใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท แม้จะมีเวลาแค่ 40 นาที แต่ยิ่งทำให้เรามั่นใจในความรู้สึกต่อกันมากยิ่งขึ้น

เรายืนยันความรู้สึกต่อกันผ่านบริษัทจัดหาคู่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้น 4 วัน เราก็แลกเปลี่ยน LINE กัน และเริ่มต้นการคุยกันทุกๆวัน

ต่อมา เราได้ทักทายกันทุกเช้าและเย็น ด้วยความที่เวลาห่างกันเพียง2ชั่วโมง เวลาหลังเลิกงานจึงกลายมาเป็นช่วงเวลาที่รอคอยมากที่สุดค่ะ บางครั้งเราแชร์เรื่องราวความสนุกจากการทำงาน บางทีพยายามเรียนรู้ภาษาของกันและกัน จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นผิด เขาก็ใจเย็นอธิบายวิธีการใช้ที่ถูกต้องให้อย่างละเอียดเลยค่ะ

ถึงแม้ภาษาเราจะยังไม่คล่อง แต่ด้วยใช้แอพแปลภาษา เรื่องราวที่เราแลกเปลี่ยนกันทีละเล็กทีละน้อยก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งขึ้นค่ะ เขาจะชอบถ่ายรูปขนมใหม่ๆในร้านสะดวกซื้อส่งมาให้ดู และฉันก็แชร์ภาพพระอาทิตย์ตกในสวนสาธารณะที่กรุงเทพให้เขาดูค่ะ ชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ได้เติมเต็มความรักข้ามชาติทีละนิดทีละหน่อย

6. การเดินทางที่โรแมนติกในโตเกียว

หลังจากที่คบกันมาได้ 1 เดือนครึ่ง นิชิมุระคุงได้เชิญฉันไปเที่ยวที่โตเกียว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปญี่ปุ่นค่ะ เขาได้ขอลางานพักร้อนมา 3 วันเพื่อมาอยู่กับฉัน ซึ่งในวัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบของญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

วันแรก เราไปวัดเซนโซจิค่ะ เราเสี่ยงเซียมซีและได้ไดคิจิด้วยกันซึ่งแปลว่าโชคดีมาก เราทั้งคู่ดีใจเหมือนเด็กๆเลยค่ะ ต่อไปที่ถนนชอปปิ้งนากามิเสะ เขาก็อธิบายเกี่ยวกับขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างละเอียดเลย และเราได้ชิมขนมนิงโยะยะกิที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆและไอศกรีมชาเขียวด้วยค่ะ

วันที่สอง เราขึ้นไปที่โตเกียวทาวเวอร์ บนชั้นสังเกตการณ์ ขณะที่แสงไฟของโตเกียวเริ่มประกายขึ้น เขาได้จับมือฉันเบาๆและพูดว่า “ที่นี่จะกลายเป็นบ้านของเราในไม่ช้า” ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเห็นภาพชีวิตของเราในอนาคตเลยค่ะ

วันสุดท้าย เขาพาฉันไปที่อพาร์ทเมนต์ของเขาที่เขตเซตากาย่า ห่างจากสถานีจิยูกาโอกะเพียงแค่ 8 นาที ห้องอาจไม่ใหญ่มาก แต่สะอาดเรียบร้อยมาก ในระเบียงปลูกต้นแคคตัสสองสามต้นด้วยค่ะ รู้สึกได้ถึงความใส่ใจในชีวิตของเขาเลยค่ะ

7. การตัดสินใจก้าวสู่ความสุข

หลังจากกลับมาที่กรุงเทพฯ เราได้ตัดสินใจในสิ่งสำคัญในชีวิตอย่างรวดเร็วค่ะ ตอนโทรวิดีโอกัน เราได้วางแผนอนาคตอย่างจริงจัง: เตรียมทำการจดทะเบียนสมรส และจัดการเตรียมชีวิตในญี่ปุ่น นิชิมุระคุงได้เริ่มดำเนินการเตรียมเอกสารที่จำเป็นแล้ว

ทุกอย่างอาจดูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทุกขั้นตอนก็ดำเนินไปอย่างมั่นคง บางทีอาจจะเหมือนข้อความในใบเซียมซี

ของวัดเซนโซจิที่ระบุไว้ว่า “มีโชคชะตาที่จะได้พบกันห่างออกไปหลายพันไมล์” ฉันเชื่อว่าการพบกันของเราเป็นสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้อย่างงดงามค่ะ

8. ก้าวไปสู่งานแต่งงาน

ขั้นตอนในการเตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสนั้นซับซ้อนกว่าที่คิดไว้ค่ะ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัทจัดหาคู่ ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่นค่ะ บริษัทบอกรายการเอกสารอย่างละเอียดให้ค่ะ

ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของบริษัทจัดหาคู่เป็นพิเศษเลย พวกเขาไม่เพียงแปลเอกสารให้ แต่ยังแนะนำถึงวิธีการยื่นขอและขั้นตอนต่างๆด้วย

การเตรียมเอกสารทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ในระหว่างนั้น นิชิมุระคุงก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของเราที่โตเกียว เขาได้หาโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่ดีใกล้คอนโดของเราที่ย่านเซตากายะ เพื่อเตรียมการเรียนภาษาของฉัน เขายังได้ขอร้องให้คนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นมาหลายปีมาให้คำแนะนำกับฉันด้วย ซึ่งทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นต่อการใช้ชีวิตในอนาคตค่ะ

หลังจากเอกสารทั้งหมดเตรียมเรียบร้อยแล้ว เราได้ไปทำการจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตในโตเกียว ในวันนั้นมีฝนตกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของพวกเราเลย ในขณะที่กรอกแบบฟอร์มสมรส แม้ว่าภาษาญี่ปุ่นจะยังไม่คล่องแคล่ว แต่เจ้าหน้าที่ก็มีความอดทนและช่วยเหลืออย่างดีค่ะ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อเจ้าหน้าที่ประทับตราในใบรับรองการแต่งงานของเราอย่างเป็นทางการ ฉันก็รู้สึกน้ำตาคลอเบ้า

หลังจากจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว นิชิมุระคุงพาไปที่ห้างโอดะคิวในชินจูกุ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในญี่ปุ่น หลังจากแต่งงานใหม่ๆ ต้องเตรียมของใช้ในบ้านใหม่ นี่เป็นประเพณี” เราได้เลือกผ้าปูที่นอนและเครื่องครัวใหม่ด้วยกันค่ะ ทุกชิ้นล้วนบ่งบอกถึงความคาดหวังสำหรับชีวิตในอนาคตของเราค่ะ

ตอนเย็น เราไปฉลองที่ร้านอาหารไคเซกิในชินจูกุค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กินอาหารญี่ปุ่นแบบเป็นทางการแบบนี้ ทุกจานประณีตเหมือนงานศิลปะเลยค่ะ นิชิมุระคุงบอกว่าร้านนี้เป็นที่ที่พ่อแม่ของเขามักจะมาในวันครบรอบแต่งงาน และตอนนี้ก็กลายเป็นความทรงจำที่มีค่าร่วมกันของเราแล้วค่ะ

ตอนนั่งรถกลับคอนโด มองวิวด้านนอกบนรถที่วิ่งผ่านทิวทัศน์กลางคืนของโตเกียว ความรู้สึกมีหลากหลายอารมณ์มากค่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันในวิดีโอไปจนถึงการเดินไปสู่การแต่งงานด้วยกัน ทุกขั้นตอนมีทั้งความกระวนกระวาย ความคาดหวัง และความฝันถึงอนาคต แม้การแต่งงานข้ามชาติอาจจะพบกับความท้าทายหลายอย่าง แต่ฉันเชื่อว่า ตราบใดที่เราเข้าใจและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราจะสามารถสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้แน่นอนค่ะ ทั้งนี้ ต้องการขอบคุณพนักงานของบริษัทจัดหาคู่ทุกคนเป็นพิเศษเลยค่ะ ด้วยบริการที่เป็นมืออาชีพและเต็มไปด้วยความจริงใจ ทำให้ฉันและนิชิมุระคุงได้พบกัน เข้าใจกัน และได้รักกัน ความรักข้ามชาตินี้จะกลายเป็นหนึ่งในบทที่งดงามที่สุดในชีวิตของเ

#เดทกับคนญี่ปุ่น #DatingJapanese
#หาแฟนญี่ปุ่น #JapaneseLove 
#ความรักกับคนญี่ปุ่น
#เดทกับคนญี่ปุ่น #DatingJapanese #หาแฟนญี่ปุ่น #JapaneseLove #ความรักกับคนญี่ปุ่น